“สร้างทางดีไว้…ให้เป็นทางเดิน”ผลผลิตจากสามเณรภาคฤดูร้อน โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
ติดตามงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมวิทยากร ครูพระสอนศีลธรรม
และการทำงานของพระสงฆ์มากมายอย่างเข้มข้น
จากการเติบโตของพระเณรทุนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จังหวัดศรีสะเกษ
กับ พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
สิ่งมีค่าในเวลาที่สูญเสีย โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
สิ่งมีค่าในเวลาที่สูญเสีย
โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
อาสนวิหารนอเทรอดามอายุกว่า ๘๕๐
ปีเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๒ ที่ผ่านมาในเวลาใกล้เคียงกับ
"มัสยิดอัล-อักซอ" (Al-Aqsa) ในกรุงเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของอิสราเอล
ซึ่งเป็นหนึ่งในสามมัสยิดสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกโดยมีความเก่าแก่ถึง ๒,๐๐๐ ปี
สร้างความเสียหายกับโบราณสถานแห่งนี้เช่นเดียวกัน แม้อาจในระดับที่น้อยกว่าไฟไหม้ที่อาสนวิหารนอเทรอดาม
หรือแม้แต่ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่หลายต่อหลายครั้งที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และล่าสุดไฟไหม้ป่าทางภาคเหนือ
ภาคอีสานของประเทศไทยที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น จะเรียกว่าที่ไหนน้อยกว่า
หรือมากกว่าคงไม่ได้ ความสูญเสีย แม้น้อยใหญ่ก็คือ ความสูญเสียนั่นเอง
รู้” อะไรแท้ อะไรเทียมก็จะพบทางออก โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
“เราอย่ามัวแต่ถามหาความผิดทั้งของตนเองและคนอื่นมากจนเกินไป
เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่เราชี้ผิดชี้ถูกกันส่วนใหญ่มันมักจะเป็นแค่ค่านิยมตามสมัย ไม่ใช่อะไรที่เป็นแก่นสาร”
รู้” อะไรแท้ อะไรเทียมก็จะพบทางออก
โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
มีคนมาสะท้อนให้ฟังว่า
ได้ทบทวนตัวเองเหมือนอย่างที่ได้บอกไป แต่พบว่า มีเรื่องผิดหวังมากจนทำให้รู้สึกท้อแท้ใจ เหมือนสิ่งที่เคยพลาดมาตอกย้ำความผิดให้จิตพลอยรู้สึกตกต่ำลงไปอีก เป็นไปได้ไหมที่เราจะไม่คิดถึงอดีต ขอก้าวไปข้างหน้าต่อไปโดยที่ไม่สนใจว่า
ที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะแท้จริง นั่นคือสิ่งที่เขาได้จากการทบทวน...
ป่าคือชีวิต ต้นไม้คือลมหายใจ โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
ติดตามการกลับไปปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ที่วัดบ้านเกิด วัดวรกิจพัฒนาราม อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร กับ พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
ป่าคือชีวิต ต้นไม้คือลมหายใจ
โดย
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
เมื่อจิตเป็นอันธพาล แก้ไขอย่างไร Q&A Quickly Dhrama Healing by พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี
(Q) : ทำไมจิตถึงไหวไปจับอารมณ์ที่ลบๆ ได้เร็วมาก และพร้อมที่จะวีนออกไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่ไม่อยากฟังคะพระอาจารย์. เหตุเกิดจากเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งออกมาจากกรรมฐานที่วัดแห่งหนึ่งเป็นเวลาหลายเดือนแต่พออกมาคำถามแรกที่โทรมาคือ ถามข่าวคราว และถามหลายๆเรื่องที่ไม่อยากตอบ เห็นจิตกลับไปอยู่ในโหมด โมโหอีกแล้ว เห็นจิตเป็นอันธพาลค่ะ พระอาจารย์. ทำไงดีคะ
(A) : จากคำถามข้างต้นขอขยายความหมายบางอย่างให้ทราบก่อนคือ
-“จิต” คือ...
“พระผู้นำแสงสว่างสู่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้” พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก (๖) : โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
"พระผู้นำแสงสว่างสู่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ : พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก (๖)" : โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท จากคอลัมน์ จาริกบ้านจาึกธรรม หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก...
พระพุทธศาสนาเพื่อสังคม โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
พระพุทธศาสนาเพื่อสังคม
โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
“พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องของปัจเจก (individual)
แต่หมายถึงการอยู่ร่วมกันกับสังคมส่วนรวม (Society as Collective)
พร้อมทั้งสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งจะเห็นได้ว่า...
พระพุทธเจ้ามุ่งให้พระสงฆ์อนุเคราะห์สร้างสิ่งอันสมควรแก่มนุษย์ทั้งหลาย “
พุทธศาสนาเพื่อสังคม
คนไทยยังไม่คุ้นกับคำว่า พุทธศาสนาเพื่อสังคม (Socially Engaged Buddhism) มากนัก เพราะส่วนใหญ่พูดกันในแวดวงวิชาการ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะวิถีสงฆ์ไทยได้ปฏิบัติจนเป็นความคุ้นชินกับคนทั่วไป เป็นการรับรู้ร่วมกันโดยที่ไม่ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่เพื่อทำความเข้าใจ เพราะวิถีพุทธนั้น เป้าหมายสำคัญก็เพื่อประโยชน์สุขของสังคม ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เธอทั้งหลายจงจาริกไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์” ...
ถามใจตัวเองให้ดี เมื่อมีคน “ชี้นำ” : โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
“บางครั้ง การฟังเสียงคนอื่นมากเกินไป จนลืมเสียงหัวใจตนเองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเคยเห็นคนที่ไปตามผู้ชี้นำเสมอ...จนลืมไปว่าอะไรที่สิ่งสำคัญสำหรับตัวเอง”
ถามใจตัวเองให้ดี เมื่อมีคน “ชี้นำ”
โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
หลายคนเหลือเกินที่จะชี้ให้เราไปสู่เป้าหมาย แต่มีไม่กี่คนหรอก ที่จะนำเราไปสู่จุดหมายที่ชี้นั้น และบางคนก็ทำได้แค่ชี้ให้เราเห็น
มากมายเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า เราเองจะต้องเลือกสักอย่าง แล้วก็พยายามก้าวไปให้ถึงจุดนั้นด้วยตัวเอง เพราะจริงๆ แล้ว มันยากที่จะมีใครมานำเราไป อย่างมากก็แค่เดินนำ ทำให้เราเห็นว่า ทางนั้นพอจะไปได้บ้างแต่ก้าวสำคัญก็ยังเป็นของเรา เพราะถ้าพลาด...ก็หล่นเองและเจ็บเอง
บางคนอยากหาเพื่อนร่วมทาง ที่มีจุดหมายจุดเดียวกัน ก็อาจจะพอหาได้ แต่ความหมายเดียวกันอาจจะยากสักหน่อย เพราะแม้เราจะมองจุดเดียวกัน เราก็อาจจะหมายถึงคนละอย่างกัน เคยขึ้นไปบนยอดดอยอย่างลำบากกว่าจะขึ้นไปถึง แล้วมองยอดดอยมากมาย ...
ร้อยหมื่นพันคำไม่เท่าหนึ่งทำให้ดู : โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
ร้อยหมื่นพันคำไม่เท่าหนึ่งทำให้ดู
โดย
พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
ได้อ่านบทความวิชาการเรื่อง “ผู้สูงอายุต้นแบบตามแนวพุทธ : กรณีศึกษาหลวงพ่อวัดบางเบิด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ประทับใจในความเป็นต้นแบบของหลวงพ่อที่อายุมากถึง ๗๓ ปี แต่ว่ามีอุตสาหะเรียนจนถึงระดับปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมท่านถึงต้องเรียนเป็นพระอายุมากแล้วแล้วไม่ต้องเรียนก็ได้ แต่ท่านกลับเบิกบานกับการเดินทางไกลถึง ๘๐๐ กิโลเมตร ทำให้เกิดแรงบันดาลใจทั้งต่อคณาจารย์และสหธรรมิก จึงนำไปสู่การถอดบทเรียนทำให้ค้นพบว่า ท่านทำหน้าที่พระที่ไม่ใช่แค่สอนสั่ง แต่มีแนวคิดว่า “ร้อยหมื่นพันคำไม่เท่าหนึ่งทำให้ดู” สอดคล้องกับหลักพุทธที่ว่า “ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น” ซึ่งผู้ศึกษาได้สรุปเป็นประเด็นความเป็นต้นแบบของผู้สูงอายุตามแนวพุทธ ของหลวงพ่อว่า
เจตนาในการทำตนให้เป็นต้นแบบ หลวงพ่อวัดบางเบิด มีปณิธาน แกร่งกล้าที่จะใช้ตนเองให้เป็นต้นแบบแก่ลูกหลาน ให้เห็นเป็นภาพประจักษ์ ยืนยันคำสอนของท่าน ที่มุ่งให้ทุกคนพัฒนาตนเองทั้งทางโลกและการพัฒนาจิตใจทางธรรม ...
เปรียบเทียบเพื่อทบทวน ไม่ใช่เพื่อทับถม โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
“การสอนเด็ก...ไม่ใช่แค่ให้เขารู้อะไร แต่ให้เขารู้วิธีคิด เพราะถ้ามีวิธีคิดที่ดีแล้วจะนำไปสู่การแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง”
มีลาอยู่ตัวหนึ่ง มันเล็มหญ้าอยู่ที่ทุ่งอันเขียวขจีกว้างใหญ่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้เช้าๆ หมอกเม็ดหนาค้างอยู่บนยอดหญ้าสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายดุจเพชรเม็ดงาม กระจายทั่วทุ่ง เสียงจิ้งหรีดดังระงมไปทั่วทุ่ง สร้างความบันเทิงใจให้กับลาตัวนั้นมาก ความหลงใหลในเสียงของจิ้งหรีดทำให้ลาตัดสินใจเดินไปถามว่า
“เจ้าจิ้งหรีดน้อย เสียงเจ้าดีเหลือเกิน เจ้าทำยังไงถึงได้เสียงดีขนาดนี้?”
จิ้งหรีดน้อยร้องตอบไปว่า “ข้าตื่นแต่เช้ากินน้ำค้างทุกวัน”
ฟังเพียงเท่านี้เจ้าลาตัวนั้นมันก็เลิกกินหญ้า ตื่นเช้ามาก็เลียกินแต่น้ำค้าง ด้วยหวังว่าสักวันมันจะมีเสียงที่ดีเหมือนจิ้งหรีด
ไม่นานลาตัวนั้นก็ตาย เพราะร่างกายผอมโซขาดใจตายในที่สุด
ผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ให้เด็กๆ ฟัง ก่อนจะถามว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไร
เด็กๆ หลายคนบอกว่า “ลาโง่ไม่ดูตัวเอง”
มีเด็กคนหนึ่งบอกว่า “ลาไม่ได้โง่แค่ค้นหาตัวเองไม่เจอ เลยมัวแต่เลียนแบบคนอื่น จึงไม่ประสบความสำเร็จ”
ฟังแล้วก็ได้แต่แย้มน้อยๆ เพราะไม่กี่ครั้งที่เล่าไปแล้วจะมีคนค้นพบรหัสที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่า เพราะการสอนเด็กยุคนี้ การอธิบายให้ฟังไม่ค่อยได้ผลเพราะเขาหาอ่านได้จากอินเทอร์เน็ต แต่การกระตุ้นด้วยคำถามหรือเรื่องเล่าเพื่อชวนคิด และขบประเด็นบางอย่าง จะสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ดีกว่า เพราะบางครั้งเราไม่ใช่แค่ให้เขารู้อะไร แต่อยากให้เขารู้วิธีคิดมากกว่า เพราะถ้ามีวิธีคิดที่ดีแล้วจะนำไปสู่การแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
จากเรื่องลากับจิ้งหรีด เราช่วยกันสรุปประเด็นว่า...